การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับคุณภาพบัณฑิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ สำหรับประเทศไทย สภาวิศวกรได้กำหนด เกณฑ์การรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3) ขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางและมาตรฐานในการประเมินและรับรองหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ
เกณฑ์ฉบับนี้มีความครอบคลุมและให้ความสำคัญกับการพัฒนาบัณฑิตให้มีคุณสมบัติที่พึงประสงค์ ตรงตามความต้องการของสังคมและภาคอุตสาหกรรม โดยเน้นที่การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ (Outcome-Based Education: OBE) เป็นหลัก
องค์ประกอบหลักของเกณฑ์การรับรองมาตรฐานฯ
เกณฑ์ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 นี้ แบ่งออกเป็น 7 องค์ประกอบหลัก ดังนี้:
1. หลักสูตร (Curriculum)
- ครอบคลุมความรู้และทักษะ: หลักสูตรต้องมีเนื้อหาที่ทันสมัย สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิศวกรรม และครอบคลุมทั้งความรู้พื้นฐานเฉพาะทาง และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน
- ผลลัพธ์การเรียนรู้ (Student Outcomes): ต้องมีการกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ชัดเจน วัดผลได้ และสะท้อนคุณสมบัติของบัณฑิตที่พึงประสงค์ตามที่สภาวิศวกรกำหนด เช่น ความสามารถในการระบุและแก้ปัญหาทางวิศวกรรม, ทักษะการสื่อสาร, จรรยาบรรณวิชาชีพ
- โครงสร้างหลักสูตร: การจัดโครงสร้างวิชา จำนวนหน่วยกิต และความเชื่อมโยงของรายวิชาต้องเหมาะสมและเอื้อต่อการบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้
2. นักศึกษา (Students)
- กระบวนการรับเข้าและการเตรียมความพร้อม: ระบบการคัดเลือกนักศึกษาต้องมีคุณภาพ และมีมาตรการช่วยเหลือ/เตรียมความพร้อมสำหรับนักศึกษาที่อาจต้องการการเสริม
- การสนับสนุนและบริการนักศึกษา: สถาบันต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ส่งเสริมการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตของนักศึกษา เช่น ระบบอาจารย์ที่ปรึกษา, แหล่งเรียนรู้, กิจกรรมเสริมหลักสูตร
- การประเมินและพัฒนา: มีกระบวนการติดตามความก้าวหน้าและการพัฒนาของนักศึกษาอย่างสม่ำเสมอ
3. คณาจารย์และบุคลากร (Faculty and Staff)
- คุณวุฒิและประสบการณ์: คณาจารย์ต้องมีคุณวุฒิการศึกษาและประสบการณ์ที่เหมาะสมกับรายวิชาที่สอน และมีประสบการณ์ทางวิชาชีพที่เพียงพอ
- การพัฒนาวิชาชีพ: มีแผนและกิจกรรมในการส่งเสริมการพัฒนาความรู้และทักษะของคณาจารย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ
- อัตราส่วนและภาระงาน: อัตราส่วนคณาจารย์ต่อนักศึกษาต้องเหมาะสม เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ และภาระงานของคณาจารย์ต้องสมดุล
4. สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และโครงสร้างพื้นฐาน (Facilities and Infrastructure)
- ห้องเรียนและห้องปฏิบัติการ: มีห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพียงพอ และเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้
- แหล่งเรียนรู้: จัดให้มีห้องสมุด สื่อการเรียนรู้ และฐานข้อมูลที่หลากหลายและเพียงพอต่อการค้นคว้าของนักศึกษาและคณาจารย์
- เทคโนโลยีสารสนเทศ: มีระบบและโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศที่สนับสนุนการเรียนการสอนและการบริหารจัดการ
5. การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (Continuous Quality Improvement)
- กลไกการประเมินหลักสูตร: มีระบบและกระบวนการประเมินหลักสูตรอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อนำผลมาปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
- การนำผลการประเมินไปใช้: มีการนำข้อมูลจากการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักศึกษา และข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนอย่างแท้จริง
- การทบทวนและการปรับปรุง: มีการทบทวนและปรับปรุงหลักสูตรอย่างสม่ำเสมอตามวงจรคุณภาพ PDCA (Plan-Do-Check-Act)
6. ความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Relations)
- การมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมและผู้ใช้บัณฑิต: หลักสูตรต้องมีกลไกในการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการและผู้ใช้บัณฑิต เพื่อให้มั่นใจว่าบัณฑิตมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน
- เครือข่ายศิษย์เก่า: มีการสร้างและรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับศิษย์เก่า เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน
7. การบริหารจัดการและจรรยาบรรณวิชาชีพ (Governance and Professional Ethics)
- การบริหารจัดการหลักสูตร: โครงสร้างการบริหารจัดการหลักสูตรต้องมีความชัดเจน มีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใส
- จรรยาบรรณวิชาชีพ: หลักสูตรต้องปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพวิศวกรรมให้แก่นักศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
- ความยั่งยืน: หลักสูตรต้องมีความยั่งยืน สามารถพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้
ขั้นตอนและวิธีการรับรองมาตรฐานฯ
การรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จะดำเนินการเป็นขั้นตอน ดังนี้:
- การสมัครและการเตรียมเอกสาร: สถาบันการศึกษาที่ประสงค์จะขอรับรองมาตรฐานฯ จะต้องยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบที่แสดงถึงการดำเนินงานตามเกณฑ์ทั้ง 7 องค์ประกอบ
- การตรวจประเมินตนเอง (Self-Assessment): สถาบันจะต้องดำเนินการตรวจประเมินตนเองตามเกณฑ์และจัดทำรายงานการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR)
- การตรวจประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review/Site Visit): คณะผู้ตรวจประเมินจากสภาวิศวกร ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จะเดินทางเข้าตรวจประเมิน ณ สถานศึกษา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลใน SAR และสังเกตการณ์การดำเนินงานจริง
- การพิจารณาและตัดสิน: คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องของสภาวิศวกรจะพิจารณารายงานการตรวจประเมินและให้ข้อเสนอแนะ ก่อนที่จะนำเสนอต่อสภาวิศวกรเพื่อพิจารณาให้การรับรอง
- การแจ้งผลและติดตามผล: สภาวิศวกรจะแจ้งผลการรับรองแก่สถาบัน และดำเนินการติดตามผลการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามรอบระยะเวลาที่กำหนด
เกณฑ์การรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3) นี้ ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการประกันคุณภาพ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของประเทศไทยให้ก้าวทันโลก และผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ ความสามารถ และจรรยาบรรณ พร้อมรับใช้สังคมและประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน
